คือ 1. ความสามารถในการแข่งขัน
2. สภาวะตลาดและแนวโน้มการแข่งขันภายในประเทศ
3. สภาวะตลาดและแนวโน้มการแข่งขันภายในต่างประเทศ
ซึ่งในวันนี้เราคง นำเสนอแค่หัวข้อที่หนึ่ง ดังนี้นะครับ
2. สภาวะตลาดและแนวโน้มการแข่งขัน
2.1 ความสามารถในการแข่งขัน
ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรมแบ่งเป็น ด้านต่างๆ ประกอบด้วยด้านแรงงาน ด้านวัตถุดิบ และด้านเทคโนโลยีด้านแรงงาน
ผู้ประกอบการคนไทยและบุคลากรหรือแรงงานไทยส่วนใหญ่มีศักยภาพใน
การประกอบธุรกิจประเภทท่ีไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสูง เช่น ธุรกิจบริการทางบัญชี
ธุรกิจบริการทางกฎหมาย การค้าปลีกและการค้าส่ง แม้ว่าผู้ให้บริการของไทยได้มี
การปรับตัวเพื่อให้เกิดความพร้อมในการแข่งขันมาตลอดเวลาก็ตาม แต่ก็ยังมี
ข้อจํากัดในการแข่งขันกับสาขาของบริษัทวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และก่อสร้างระดับ
โลกจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ และออสเตรเลียได้อันเนื่องจากงานที่มีความสลับซับซ้อนได้หากบริษัทไทยต้องการเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดที่เป็น
ลูกค้าจากบริษัทข้ามชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ย้อมต้องมีการปรับตัวใน
การสร้างบุคลากรให้มีความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาของลูกค้า และต้องสร้าง
ความพร้อมในการเสนอบริการตามมาตรฐานสากล หรือตามข้อกําหนดพิเศษท่ีอาจจะ
เกิดขึ้นในบางกรณีบริษัทวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และก่อสร่างของไทย ยังคงมี
ศักยภาพในการปรับตัวเพื่อให้เกิดความพร้อมในการแข่งขันกับสาขาของบริษัท
ต่างชาติได ในขอบเขตที่ค้อนข้างจํากัด เพราะความไม บริบูรณ์ด้านเงินทุน และยังไม่ได
รับความเชื่อถือมากนักจากบริษัทข้ามชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ประกอบ
กับผู้บริหารในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจท่ีมีความรับผิดชอบงานในโครงการใหญ มักจะ
ให้ความเช่ือมั่นแก่บริษัทระดับโลกเหนือบริษัทของคนไทยอย่างมีนัยสําคัญ
ด้านวัตถุดิบ
วัตถุดิบที่ใช้ในงานบริการวิศวกรรม เช่น วัตถุดิบก่อสร้าง วัตถุดิบ
ในการทํางานของเครื่องมือและอุปกรณ์ทางด้านวิศวกรรม วัตถุดิบที่ใช้ในโครงการ
ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบที่มีซื้อขายอยู่ท่ัวไป สามารถ
ใช้ทดแทนกันได้และมีผู้จัดจําหน่ายหลายราย ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนจึงพบไม่บ่อย
ในการทําธุรกิจ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากโครงการรับเหมาเป็นโครงการใหญ่ซึ่งผู้ผลิตวัตถุดิบ
อาจไม่มีการสํารองกําลังการผลิตไว้ล้วงหน้า ดังนั้นในกรณีผู้ประกอบการทําโครงการ
รับเหมาเบ็ดเสร็จ ปัญหาในเรื่องการปรับตัวสูงข้ึนของราคาวัสดุอุปกรณ์ภายหลังจาก
ท่ีบริษัทได้รับงานโครงการแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกําไรของ
บริษัท อย่างไรก็ตามมีวัสดุบางรายการท่ีบริษัทมีการทําข้อตกลงล่วงหน้ากับ
ผู้จําหน่ายวัสดุอุปกรณ์ว่าจะซื้อขายวัสดุอุปกรณ์ในราคาและระยะเวลาท่ีตกลงกันหาก
บริษัทได รับเลือกให้ดําเนินงาน ทั้งน้ีเพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สําหรับการจัดหาอุปกรณ์ในลักษณะพิเศษจะจัดซื้อจากผู้จัดจําหน่ายในประเทศก่อนโดยการชําระเงินค่าวัตถุดิบจะมีทั้งการชําระเป็นเงินสดและข้อตกลงให้เครดิตจากผู้จัดจําหน่าย (Letter of Credit) การควบคุมต้นทุนวัตถุดิบให้อยู่ใน
งบประมาณที่กําหนดไว้สามารถลดผลกระทบกับกําไรหากเกิดภาวะราคาวัตถุดิบ
ผันผวน
สําหรับความเสี่ยงจากการพึ่งพิงอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ใน
การดําเนินงานจากต่างประเทศนั้น ผู้ประกอบการส่วนมากต้องพึ่งพิงการสั่งซื้อ
อุปกรณ์จากตัวแทนจําหน่ายในประเทศ ซึ่งอาจจะมีราคาสูงกว่าการติดต่อซื้อโดยตรง
จากผู้ผลิต บริษัทสามารถลดความเสี่ยงนี้ได โดยซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศโดยตรง
มากขึ้น
ด้านเทคโนโลยี
การให้บริการทางด้านวิศวกรรมที่มีประสิทธิภาพจําเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี
ที่ทันสมัยและหลากหลาย นอกจากน้ีงานวิศวกรรมมีความจําเพาะเจาะจง เช่น
งานด้านวิศวกรรมเครื่องกล ไฟฟ้า และสารสนเทศ
ปัจจุบันการพัฒนาผลิตภัณฑ์มีความสําคัญต่อการแข่งขันในตลาดโลก
เป็นอย่างมาก การนําเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (Computer
Aided Design, CAD) ซึ่งมีใช้อย่างแพร หลายเริ่มเป็นสิ่งปกติที่พบเห็นในบริษัทต่างๆ
โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไรก็ตามในปัจจุบันน้ีผลิตภัณฑ์ต่างๆ มี
ความซับซ้อนทางด้านรูปร่างมากขึ้นส่งผลให้การใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมช่วยใน
การออกแบบเป็นไปด้วยความยากลําบากและใช้เวลานานมากขึ้นในการสร่าง
แบบจําลองสามมิติ (3D Modeling) เพื่อนําไปใช ในการวิเคราะห์และวิจัยต่อไป
นอกจากนี้ยังมีอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ใช ในกันอย่างแพร หลายคือเทคนิควิศวกรรม
ย้อนรอย (Reverse Engineering) ซึ่งใช้อุปกรณ์ตรวจวัดทั้งแบบสัมผัส (Contact)
และแบบไม่สัมผัส (Non-contact) ในการเก็บค่าพิกัดจากต้นแบบทางกายภาพ
(Physical Prototype) ซึ่งได้มาจากการปั้นข้ึนรูปโดยนักออกแบบผลิตภัณฑ์หรือ
ได้มาจากผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่เพื่อนําค่าพิกัดเหล่านั้นย้อนกลับเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบด้วยวิธีวิศวกรรมย้อนรอย (Computer Aided
Reverse Engineering, CARE) เพื่อนําไปสู่การแก้ไขปรับปรุงหรือนําไปวิเคราะห์ทาง
วิศวกรรมของชิ้นส่วนต่างๆ เช่นการวิเคราะห์ทางพลศาสตร์ของไหล (Computational
Fluid Dynamics) หรือการวิเคราะห์ตามระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต (Finite Element
Method) รวมไปถึงการออกแบบแม่พิมพ์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตต่อไป
การขยายตัวทางภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศยังไม่รวดเร็วนัก การขยาย
ธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวน้ีก็เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การเพิ่มปริมาณ
เครื่องมือ อุปกรณ์และบุคลากร ระดับขั้นพื้นฐานก็สามารถให บริการทันต่อ
ความต้องการและสร่างความพึงพอใจต่อลูกค้าได้ดี แต่ในช่วง 3-4 ปีท่ีผ่านมา
การขยายตัวทางภาคอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ การแข่งขันในแวดวงอุตสาหกรรมรุนแรงข้ึน ดังนั้นการให้บริการจึง
จําเป็นต้องพัฒนาให้ทันต่อกลุ่มผู้ใช้บริการเช่น ความแม่นยําความทันสมัย และ
ความรวดเร็ว จึงไม่พ้นที่จะต้องปรับลักษณะธุรกิจ จากเดิมที่ใช้เทคนิคด้ังเดิมเป็นส่วน
ใหญ่มาเป็นใช้เทคนิคชั้นสูง (Advanced Technology) เพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าท่ี
ต้องการเทคนิคช้ันสูงนี้ ซึ่งแม้ว่าการลงทุนในส่วนนี้ทั้งเครื่องมือและบุคลากรจะสูงขึ้น
มาก แต่ค้าบริการที่ได้ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และยังเป็นการได้ส่วนแบ่งการตลาดจาก
คู่แข็งที่เป็นชาวต่างประเทศได้อีกด้วย แต่กระนั้นก็ตาม การให้บริการด้วยเทคนิค
ดั้งเดิมยังเป็นบริการหลักของผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่
งานวิศวกรรมมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การสรรหาเทคโนโลยี
มาใช้ในการดําเนินงานเป็นปัจจัยหน่ึงท่ีสร่างแรงจูงใจและความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า
อย่างไรก็ตามสัดส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีน้ันยังน้อย แต่หากจะเป็นการรับเทคโนโลยี
จากต่างประเทศเข้ามาหรือมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในองค์กรข้ามชาติ
(Multinational Companies) นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และ
การพัฒนาอุตสาหกรรม เท่าท่ีผ่านมารัฐบาลมุ่งให้ความช่วยเหลือและปกป้องโดย
การต้ังกําแพงภาษี และการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ แทนการพัฒนาปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตในต่างประเทศได้ เมื่อรัฐบาลขาดมาตรการใน
การกระตุ้นให้ภาคเอกชนขวนขวายพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงไม่มีการวิจัยและพัฒนา ดังจะเห็นได้ว่าภาคเอกชนของไทยมีรายจ่ายในการวิจัยและ
พัฒนาเทคโนโลยีในสัดส่วนท่ีน้อย แม้ว่ากําลังคนทางด้านวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี
ของไทยจะน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไทยเองก็มีจํานวนนักวิทยาศาสตร และ
วิศวกรต่อจํานวนประชากรในสัดส่วนท่ีสูง อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาคเอกชนขาด
แรงกระตุ้นในการวิจัยและพัฒนา จึงมีการนําบุคลากรด้านวิทยาศาสตร และ
เทคโนโลยีท่ีมีอยู่ไปใช้งานผิดประเภท เช่น เป็นพนักงานขายเครื่องมือ เครื่องจักร และ
ทํางานด้านบริหาร เป็นต้น ฉะนั้นการทุ่มเททรัพยากรเพื่อผลิตบุคลากร
ด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรจะไม่บังเกิดผลต่อการวิจัยและพัฒนาเท่าใดนัก
เนื่องจากการจ่ายค่าตอบแทนแก่นักวิจัยยังตำ่กว่าพนักงานฝ่ายการตลาด ทําให
นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรยินดีทํางานผิดประเภทตลอดมา
ในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายในการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา โดยจะเพิ่มค่าใช้จ่าย
ด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นร้อยละ 0.75 ของผลผลิตรวมในประเทศ และเพิ่ม
งบประมาณอุดหนุนการวิจัยของรัฐให้เป็นร้อยละ 2 ของงบประมาณรายจ่ายประจําปีอย่างไรก็ดี การให้การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยยังค่อนข้าง
น้อย ทําให้ไม่ค้อยจะมีผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดข้ึน ผลิตภัณฑ์ใหม่ส่วนใหญ่จึงถูกนําเข้ามาจากต่างประเทศ สําหรับเทคโนโลยีในการก่อสร้างระบบ
สายส่งและสายจําหน่ายไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ส่วนการก่อสร้างสถานีไฟฟ้ามี
การพัฒนาจากสถานีไฟฟ้าประเภท Conventional มาเป็นประเภท GIS นอกจากนี้
งานด้านบํารุงรักษาระบบไฟฟ้า เช่น อุปกรณ์ป้องกันและรีเลย์ต้องอาศัยเครื่องมือ
ทันสมัยท่ีใช้ในการทดสอบและตรวจสอบ ในส่วนของแผนพัฒนาฉบับที่ 9 ได้ให้ความสําคัญของการประยุกต์ใช้และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสร้างความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจ ลดสัดส่วนการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างประเทศและใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยดัดแปลงให้สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดย
มีนโยบายพัฒนาขีดความสามารถด้านวิศวกรรมการผลิตและออกแบบรวมถึง
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและหน่วยบ่มเพาะเทคโนโลยี
สนับสนุนเทคโนโลยีให้เข้าถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างเหมาะสม
ต่อเนื่องและทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น เนื่องจากการพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ
ส่วนใหญ่เกิดข้ึนในต่างประเทศ การเรียนรู้เทคโนโลยีจึงต้องอาศัยการถ่ายทอด
เทคโนโลยีจากบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทไทยโดยจัดส่งผู้เช่ียวชาญ
ต่างประเทศเข้ามาช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ กับคนไทย ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบ
สําหรับธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรมท่ีร่วมทุนกับต่างประเทศหรือมีบริษัทแม่ต่างประเทศให้การสนับสนุน
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ลูกค้าในภาคธุรกิจวิศวกรรมประกอบด้วย 2 หน่วยหลักคือ ภาครัฐและภาคเอกชน โดยส่วนมากจะเป็นลูกค้าจากโครงการก่อสร้าง
ลูกค้าในภาคธุรกิจวิศวกรรมประกอบด้วย 2 หน่วยหลักคือ ภาครัฐและภาคเอกชน โดยส่วนมากจะเป็นลูกค้าจากโครงการก่อสร้าง
ปัจจัยในการเลือกใช้บริการ
ผู้ท่ีต้องการเร่ิมประกอบธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ก่อนเร่ิมดําเนินธุรกิจเนื่องจากมีผลต่อการเลือกใช้บริการของลูกค้า ดังน้ี
ผู้ท่ีต้องการเร่ิมประกอบธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ก่อนเร่ิมดําเนินธุรกิจเนื่องจากมีผลต่อการเลือกใช้บริการของลูกค้า ดังน้ี
จํานวนและความสามารถของผู้เช่ียวชาญหรือวิศวกรในแต่ละสายงาน:
การบริหารงานวิศวกรรมต้องอาศัยแรงงานที่มีความสามารถสูง แรงงานด้าน
วิศวกรรมต้องมีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนและความร่วมมือ
กับทางหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย บริษัทเอกชนเป็นกลไกสําคัญท่ีจะเพิ่มความสามารถแรงงานและวิศวกร ซึ่งนําไปสู่การรองรับงานที่มีความซับซ้อนขึ้นได
ผู้ประกอบการต้องทําการคัดเลือกพนักงานท่ีมีความสามารถและความเชี่ยวชาญ
รวมท้ังฝึกฝนอบรมพนักงานท่ีมีอยู่ให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มข้ึน
เทคโนโลยีในการให้บริการ:
งานวิศวกรรม เช่น การออกแบบที่ดี การติดตั้งระบบเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ มีผลต่อความสําเร็จของโครงการโดยรวม การส่งมอบและคุณภาพโครงการเป็น
สิ่งสําคัญ ดังนั้นการลงทุนในเทคโนโลยีท่ีทันสมัยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ
การลงทุนพื้นฐานของงานวิศวกรรมคือการลงทุนด้านเครื่องมือและอุปกรณ์วิศวกรรม
ซึ่งประกอบด้วย ซอฟท์แวร์ที่ใช้สําหรับออกแบบและคํานวณทางวิศวกรรม เครื่องมือวัดและตรวจสอบ อุปกรณ์ในการติดต้ังต่างๆ อุปกรณ์ควบคุมและป้องกัน นอกจากน้ี
ตัวระบบ Application และอุปกรณ์สนับสนุนต้องมีความทันสมัยเพื่อรองรับ
ความต้องการของลูกค้าได้ราคาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิศวกรรมมีราคาสูง ดังนั้น
ผู้ประกอบการควรพิจารณาเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงานให้มากท่ีสุด
ประสิทธิภาพของระบบการจัดการ:
การรักษามาตรฐานการให้บริการควบคู่กับการรักษาระดับความสามารถใน
การทํากําไรมีความสําคัญ ทําให้สามารถรองรับจํานวนโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาระบบการให้บริการตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ISO 9000:2001 ทําให้บริษัทสามารถลดขั้นตอนการทํางานท่ีซับซ้อนและควบคุมคุณภาพได้ท้ังกระบวนการ
ผู้ประกอบการต้องทําการศึกษาขั้นตอนต่างๆ ในของระบบจัดการและควบคุม
คุณภาพต่างๆ รวมทั้งกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ
ความสัมพันธ์กับลูกค้าและเครือข่าย:
ธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรมส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยธุรกิจย่อยในบริษัท
รับเหมาก่อสร้าง จึงจําเป็นต้องจัดตั้งแผนกพัฒนาธุรกิจ (Business Development :
BD) เช่นกันเพื่อติดตามข่าวสารการเปิดประมูลงานของท้ังภาครัฐและภาคเอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น